การบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ค.ศ. 1928 ของ ชาลส์ คิงส์ฟอร์ด สมิท

เครื่องบินเซาเทิร์นครอสส์ ค.ศ. 1928เครื่องบินเซาเทิร์นครอสส์ ที่ฐานทัพอากาศของกองทัพอากาศออสเตรเลียใกล้กรุงแคนเบอร์รา ค.ศ. 1943
ตำแหน่งสำคัญบนเส้นทางบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกของชาลส์ คิงส์ฟอร์ด สมิทและลูกเรือ ค.ศ. 1938
ภาพถ่ายที่ระลึกเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเที่ยวแรก

ใน ค.ศ. 1928 คิงส์ฟอร์ด สมิท และชาลส์ อูล์มเดินทางมาถึงสหรัฐเพื่อหาเครื่องบินที่จะใช้บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก เซอร์ฮิวเบิร์ต วิลคินส์ นักสำรวจขั้วโลกชาวออสเตรเลียได้ขายเครื่องบินฟอกเกอร์ F.VII/3m ให้กับคิงส์ฟอร์ด สมิทและอูล์ม พวกเขาตั้งชื่อเครื่องบินลำนี้ว่าเซาเทิร์นครอสส์[19]

เวลา 8:54 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1928[19] คิงส์ฟอร์ด สมิทและลูกเรือได้แก่ชาลส์ อูล์มชาวออสเตรเลียซึ่งเป็นนักบินสำรอง และลูกเรือชาวอเมริกันอีกสองคนได้แก่เจมส์ วอร์เนอร์ ผู้ควบคุมวิทยุ และกัปตันแฮร์รี ลียอน ผู้นำทางและวิศวกรประจำเที่ยวบิน[20] รวมสี่คนบินออกจากโอกแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อเริ่มบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งแรกไปยังออสเตรเลีย เส้นทางบินแบ่งเป็นสามระยะ ระยะแรกจากโอกแลนด์ไปยังฐานทัพอากาศวีลเลอร์ ใกล้เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย[21] มีระยะทาง 3,870 กิโลเมตร (2,400 ไมล์) ใช้เวลาบิน 27 ชั่วโมง 25 นาทีโดยไม่มีอุบัติการณ์ใด ๆ ระยะที่สองต้องบินขึ้นจากบาร์กคิงแซนส์บนเกาะคาไวที่อยู่ใกล้เคียงแทนเนื่องจากทางวิ่งที่วีลเลอร์ยาวไม่พอ ปลายทางของระยะที่สองได้แก่กรุงซูวา ประเทศฟีจี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 5,077 กิโลเมตร (3,155 ไมล์) ใช้เวลาบิน 34 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเป็นระยะที่ยากลำบากที่สุดเนื่องจากพวกเขาบินฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองใกล้กับเส้นศูนย์สูตร[22] ระยะที่สามนั้นสั้นที่สุด โดยมีระยะทาง 2,709 กิโลเมตร (1,683 ไมล์) ใช้เวลาบิน 20 ชั่วโมงเพื่อข้ามชายฝั่งออสเตรเลียใกล้กับเมืองแบลลินา รัฐนิวเซาท์เวลส์[23][24][25] ก่อนจะหักขึ้นไปทางเหนือต่อไปอีก 170 กิโลเมตร (110 ไมล์) ไปถึงบริสเบน พวกเขาลงจอดเมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 9 มิถุนายน ระยะทางบินโดยรวมประมาณ 11,566 กิโลเมตร (7,187 ไมล์) ที่ท่าอากาศยานอีเกิลฟาร์ม (ท่าอากาศยานแห่งเก่าซึ่งต่อมาถูกแทนที่โดยท่าอากาศยานบริสเบน) มีผู้คนมารอต้อนรับคิงส์ฟอร์ด สมิทและลูกเรือกว่า 26,000 คน พวกเขาได้รับการต้อนรับเฉกเช่นวีรบุรุษ[26][27][28][29]

หอภาพยนตร์และสื่อบันทึกเสียงแห่งชาติของประเทศออสเตรเลียมีภาพยนตร์ชีวประวัติของคิงส์ฟอร์ด สมิทชื่อ แอนแอร์แมนรีเมมเบอส์[30] และเทปบันทึกเสียงคิงส์ฟอร์ด สมิทและอูล์มเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางของพวกเขา[31]เก็บรักษาเอาไว้

ออสเตรเลียโพสต์ รัฐวิสาหกิจด้านไปรษณีย์ได้ออกแผ่นแสตมป์และแสตมป์ที่ระลึกซึ่งมีภาพของคิงส์ฟอร์ด สมิทและอูล์มใน ค.ศ. 1978 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของการบินครั้งนี้[32]

จีน แบตเทน หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์เข้าร่วมงานเลี้ยงกับคิงส์ฟอร์ด สมิทหลังเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกและกล่าวกับเขาว่าเธออยากจะหัดขับเครื่องบินบ้าง คิงส์ฟอร์ด สมิทให้คำแนะนำเชิงติดตลกกับเธอว่า "อย่าพยายามทำลายสถิติของนักบินผู้ชาย และอย่าบินตอนกลางคืน" อย่างไรก็ตาม แบตเทนโน้มน้าวให้เขาพาเธอขึ้นเครื่องบินเซาเทิร์นครอสส์ และเธอได้กลายเป็นนักบินที่สร้างสถิติสำคัญต่าง ๆ อีกคนหนึ่ง [33]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ชาลส์ คิงส์ฟอร์ด สมิท http://www.naa.gov.au/about-us/publications/fact-s... https://web.archive.org/web/20110809132241/http://... http://visaparaaustralia.com/immigration-to-austra... https://web.archive.org/web/20120425120631/http://... https://web.archive.org/web/20110312041850/https:/... https://www.bdm.qld.gov.au/IndexSearch/queryEntry.... http://nla.gov.au/nla.news-article3645451 https://web.archive.org/web/20220717024804/https:/... http://nla.gov.au/nla.news-article42944512 https://web.archive.org/web/20220717024804/https:/...